วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

โปรแกรมช่วยนับในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์11มี.ค.53

http://3romphosri.com/modules.php?name=Downloads&d_op=viewdownload&cid=3


รายละเอียด:
***ขออภัยครับสำหรับรุ่นที่แล้วที่ให้ดาวน์โหลดไป พอดีรีบไปหน่อย
ไม่ได้ทดสอบ สำรับไฟล์นี้ได้ทดสอบแล้ว(11มีค53)***

โปรแกรมช่วยนับในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
ตัวโปรแกรมสร้างโดยVB6.0 สร้างไว้นานแล้ว พอดีเปิดเว็บไซต์ใหม่
ไม่รู้จะให้ดาว์นโหลดอะไรจึงได้นำของเก่ามาปัดฝุ่นแจก

โปรแกรมจะออกแบบมาใช้บนwindowXPนะครับ ใช้แทนเครื่องกดนับแบบเก่า
แต่จะต้องมีคอมพิวเตอร์ และNumeric keypadของเครื่องNotebook(USB)
ถ้าไม่มีก็สามารถใช้ปุ่มตัวเลขบนคีย์บอร์ดได้

ประกอบด้วย
1.โปรแกรมนับเม็ดเลือดขาว
2.โปรแกรมนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว
3.โปรแกรมนับเกล็ดเลือดจากสไลด์
4.โปรแกรมนับเกล็ดเลือดจากตารางนับ
5.โปรแกรมนับแยกชนิดเม็ดเลือดแดงจากสไลด์
6.โปรแกรมนับจำนวนเชื้ออสุจิจากตารางนับ
7.โปรแกรมนับแยกการเคลื่อนไหวเชื้ออสุจิ
8.โปรแกรมนับแยกชนิดเชื้ออสุจิ
9.ตัวtimerใช้ไม่ได้ครับ

วิธีใช้
1.สามารถใช้ปุ่มตัวเลข ในการใช้งาน
2.ปิดโปรแกรมF12
3.มีคำอธิบายการใช้แต่ละปุ่มเมื่อใช้เม้าทส์ชี้ที่ปุ่ม

วิธีการติดตั้งโปรแกรม
1.หลังจากแตกไฟล์VasulabAutoCountTool.rar
โดยโปรแกรม WinRAR
2.คลิกเลือกsetupเพื่อติดตั้งโปรแกรม
3.คัดลอกโฟลเดอร์ VasulabAutoCountToolไปว่างที่ไดร์ฟC
C:VasulabAutoCountTool
4.สร้างShortcut สำหรับเรียกโปรแกรมVasulabAutoCountTool
โดยเข้าไปที่ C:Program FilesProject1
คลิกขวาที่"ผู้ช่วยเทคนิคการแพทย์_ใหม่5"เพื่อสร้างShortcut
แล้วcut(control X) จากนั้นคลิกเม้าทส์ที่หน้าจอdesktop
แล้วpaste(control V)

หรือคัดลอกShortcut" ผู้ช่วยเทคนิคการแพทย์_ใหม่5"ที่สร้างมาให้
จากนั้นคลิกเม้าทส์ที่หน้าจอdesktop แล้วpaste(control V)
ไปวางบนหน้าจอdecktop
**********************************************************************
โปรแกรมสำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์
แจกฟรีเป็นวิทยาทาน
วันที่11 มี.ค. พ.ศ.2553
**********************************************************************
นายวสุ โอภาสศุภกุล
คลินิกเทคนิคการแพทย์วสุแลบ
83 ถนนคฑาธร ต.หน้าเมือง
อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000

ติดต่อสอบถามได้ที่
vasuthum@hotmail.com
หรือที่กระดานข่าว www.3romphosri.com

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปัญหาลูกจ้างฯคืบหน้า กมธ.สาธารณสุข รับลูกตั้งอนุฯ แล้ว

กมธ.สาธารณสุข วุฒิสภา แต่งตั้งคณะอนุ กมธ.การศึกษาบุคลากรด้านการส่งเสริมทางการแพทย์ แก้ปัญหาลูกจ้างชั่วคราว พนักงานราชการ จพว. ทนพ.ที่ทำงานในกลุ่มงานพยาธิวิทยากายวิภาค ประชุมนัดแรกแล้ว ตีกรอบ 180 วัน เปิดรับฟังความเห็น 18 กย.นี้ ที่เชียงใหม่


ตามที่สภาเทคนิคการแพทย์ ได้ประสานกับ ทนพญ.นิลวรรณ เพชระบูรณิน สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการสาธารณสุข เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้นำเรื่องปัญหาลูกจ้างชั่วคราวเทคนิคการแพทย์ และพนักงานราชการ ที่ยังไม่สามารถบรรจุเป็นข้าราชการได้ เข้าพิจารณาในคณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการสาธารณสุข (กมธ.) วุฒิสภา ได้เตรียมแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการการศึกบุคลากรด้านการส่งเสริมทางการแพทย์ขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ได้แก่การแก้ปัญหาลูกจ้างชั่วคราว พนักงานราชการ ให้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ รวมถึงปัญหาเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ไปเรียนต่อเทคนิคการแพทย์ แต่เปลี่ยนตำแหน่งเป็นเทคนิคการแพทย์ไม่ได้ ตลอดจนเทคนิคการแพทย์ที่ทำงานในกลุ่มงานพยาธิวิทยากายวิภาค แต่ตำแหน่งเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วย ทั้งนี้ คณะอนุ กมธ. จะพิจารณาแก้ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ในวิชาชีพอื่นๆพร้อมกัน ได้แก่ กายภาพบำบัด รังสีการแพทย์ กิจกรรมบำบัด จิตวิทยา เทคโนโลยี่หััวใจ และนักเวชศาสตร์สื่อความหมาย โดยจะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ทำงานเพื่อปลดล็อกที่เป็นอุปสรรคทำให้บรรจุไม่ได้ คณะอนุ กมธ. จะนัดประชุม ทุกสัปดาห์ ๆละ 1 ครั้ง โดยประชุมนัดแรกแล้วเมื่อ 20 สค.ที่ผ่านมา และจะประชุมนัดต่อไปในวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2552 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข 105 ชั้น 1 อาคารรัฐสภา 2 กำหนดกรอบเวลาทำงาน 180 วัน นอกจากนี้ คณะอนุ กมธ. กำหนดจะลงพื้นที่จัดสัมนา เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 18 กันยายน 2552 นี้ด้วย ข่าวคืบหน้า "เมดเทคทูเดย์" จะนำเสนอให้ทราบต่อไป


อนึ่ง เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2552 สภาเทคนิคการแพทย์ โดย รศ.สมชาย วิริยะยุทธกร นายกสภาเทคนิคการแพทย์ ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีใจความโดยสรุปว่า สภาฯ ได้สำรวจข้อมูลลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานราชการในตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่สำเร็จการศึกษา วท.บ (เทคนิคการแพทย์) ของส่วนราชการต่างๆ ทั้งสำนักงานปลัดกระทรวง และกรมอื่นๆ ซึ่งปฏิบัติงานในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการรักษา ติดตาม และดูแลผู้ป่วย มีจำนวนทั้งสิ้น 727 คน คิดเป็นร้อยละ 54.62 ของตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ที่เป็นข้าราชการของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสภาฯ ได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ระบุให้หัวหน้าห้องปฏิบัติการเป็นนักเทคนิคการแพทย์ มีความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพด้านห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และห้องปฏิบัติการต้องดำเนินการภายใต้การควบคุมดูแล โดยผู้ประกอบวิชาชีพที่มีความรู้ความชำนาญ และประสบการณ์ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานในระบบสุขภาพเป็นไปอย่างมีคุณภาพมาตรฐานสำหรับประชาชนทุกระดับ และสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน สภาเทคนิคการแพทย์จึงขอให้รัฐมนรตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้โปรดพิจารณาการบรรจุนักเทคนิคการแพทย์เข้าในตำแหน่งข้าราชการเช่นเดียวกับสายวิชาชีพอื่นๆ ด้วย ซึ่งสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือตอบรับเมื่อวันที่ 4 สค.ที่ผ่านมา

ปัญหาลูกจ้างฯ ทนพ.ถึงมือ รมว.สธ.แล้ว

นายกสภาฯ ยื่นหนังสือถึง รมว.สธ.ขอให้บรรจุลูกจ้าง ทนพ.และพนักงานราชการเข้าเป็น ขรก.เพื่อให้การดำเนินงานในระบบสุขภาพเป็นไปอย่างมีคุณภาพมาตรฐาน โดยยกความจำเป็นเรื่องมาตรฐานวิชาชีพที่แล็บต้องมี ทนพ. อีกด้านส่ง 4 ผู้แทนสภาฯ หารือร่วม สว.อย่างใกล้ชิด สัปดาห์ละครั้ง


เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552 สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือที่ สธ 01002.2/2128 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2552 แจ้งให้สภาเทคนิคการแพทย์ทราบว่า ตามที่สภาเทคนิคการแพทย์ได้แจ้งขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานราชการในตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ให้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว ซึ่งผลการพิจารณาเป็นประการใด สำนักงานรัฐมนตรีจะแจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวลงนามโดยนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับความเป็นมาของเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2552 สภาเทคนิคการแพทย์ โดย รศ.สมชาย วิริยะยุทธกร นายกสภาเทคนิคการแพทย์ ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีใจความโดยสรุปว่า สภาฯ ได้สำรวจข้อมูลลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานราชการในตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่สำเร็จการศึกษา วท.บ (เทคนิคการแพทย์) ของส่วนราชการต่างๆ ทั้งสำนักงานปลัดกระทรวง และกรมอื่นๆ ซึ่งปฏิบัติงานในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการรักษา ติดตาม และดูแลผู้ป่วย มีจำนวนทั้งสิ้น 727 คน คิดเป็นร้อยละ 54.62 ของตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ที่เป็นข้าราชการของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสภาฯ ได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ระบุให้หัวหน้าห้องปฏิบัติการเป็นนักเทคนิคการแพทย์ มีความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพด้านห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และห้องปฏิบัติการต้องดำเนินการภายใต้การควบคุมดูแล โดยผู้ประกอบวิชาชีพที่มีความรู้ความชำนาญ และประสบการณ์ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานในระบบสุขภาพเป็นไปอย่างมีคุณภาพมาตรฐานสำหรับประชาชนทุกระดับ และสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน สภาเทคนิคการแพทย์จึงขอให้รัฐมนรตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้โปรดพิจารณาการบรรจุนักเทคนิคการแพทย์เข้าในตำแหน่งข้าราชการเช่นเดียวกับสายวิชาชีพอื่นๆ ด้วย

อนึ่ง มีรายงานข่าวด้วยว่า นอกจากสภาฯ จะทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว อีกด้านหนึ่งยังได้ส่งคณะทำงานจำนวน 4 คนไปประสานกับ ทนพญ.ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิน สมาชิกวุฒิสภา เพื่อผลักดันเรื่องนี้ผ่านทางรัฐสภาอีกทางหนึ่งด้วย โดยเบื้องต้นได้กำหนดกรอบว่า จะมีการประชุมเรื่องนี้ สัปดาห์ละ1ครั้ง และตั้งเป้าหมายว่าจะทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ข่าวคืบหน้า "เมดเทคทูเดย์" จะนำมาเสนอให้ทราบต่อไป

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โปรแกรมบริหารจัดการระบบธนาคารเลือด


งานพยาธิวิทยาคลินิก รพ.เบตง ได้ทำการพัฒนาโปรแกรม
บริหารจัดการระบบธนาคารเลือด หน่วยงานใดที่สนใจ
นำโปรแกรมไปใช้งาน ทางเรายินดีแบ่งปันโดยไม่มีข้อผูกมัด

********** ฟรี..!! ***********

http://www.betonghospital.com/download/lab.php

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณอรุณ โทร. 0848553669

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เทคนิคการแพทย์จะปฏิบัติตนอย่างไร เมื่อต้องสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง

เทคนิคการแพทย์จะปฏิบัติตนอย่างไร เมื่อต้องสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง
เขียนโดย อรรณพ สุภานันท์
20 ต.ค. 2009 11:04น.
เดิมทีเดียว บทบาทของเทคนิคการแพทย์ถูกจำกัดอยู่เพียงห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ทำหน้าที่ตรวจวิเคราะห์สิ่งส่งตรวจ ที่มีผู้เก็บและนำส่งมาให้ถึงห้องปฏิบัติการ ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง แต่ภายหลัง พรบ.วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ.2547 มีผลบังคับใช้ "คลินิกเทคนิคการแพทย์" จึงปรากฎขึ้นอย่างมาก เทคนิคการแพทย์จึงมีโอกาสได้สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรงมากขึ้น
แต่ด้วยความที่เคยชินกับการทำงานในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มานาน เมื่อจะต้องมาเผชิญหน้ากับผู้ป่วย จึงมีเทคนิคการแพทย์จำนวนไม่น้อยที่เกิดปัญหาว่าจะคุยกับผู้ป่วยอย่างไร บทความนี้จึงขอเสนอแนวทางการปฏิบัติตนของเทคนิคการแพทย์เมื่อต้องสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ในคลินิกเทคนิคการแพทย์อยู่บ้าง
มารยาทและบุคลิกภาพของเทคนิคการแพทย์
การเจาะเลือดและเก็บตัวอย่าง เป็นหัตถการอย่างเดียว ที่เทคนิคการแพทย์กระทำกับผู้ป่วยโดยตรง ใช่ว่าเทคนิคการแพทย์ จะได้ซักถามหรือสำรวจผู้ป่วยแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะขณะที่ทำการซักถามและเก็บตัวอย่างตรวจจากผู้ป่วย ผู้ป่วยก็จะสำรวจเทคนิคการแพทย์ผู้ให้บริการอย่างละเอียดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เทคนิคการแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถ แต่กลับละเลยไม่เอาใจใส่กับบุคลิกภาพและมารยาทของตน คงจะสร้างความเลื่อมใสศรัทธาและความสัมพันธ์อันดีกับผู้ป่วยได้ยาก
การแต่งกายที่สุภาพสะอาดเรียบร้อย และพอเหมาะพอควรตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า การวางตัวที่เหมาะสม รวมทั้งมารยาท ท่วงทีวาจาที่สุภาพอ่อนโยน แต่สง่าผ่าเผยและมั่นใจในตนเอง ล้วนส่งเสริมบุคลิกและน้อมนำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ และศรัทธาในเทคนิคการแพทย์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ การที่จะจูงใจให้ได้รับความร่วมมือต่อไปก็จะง่ายขึ้น
ในการประกอบวิชาชีพที่มีการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง คงเป็นไปไม่ได้ที่เทคนิคการแพทย์จะไม่พูดคุยสนทนากับผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าเลย การสนทนาพูดคุยกับผู้ป่วยจึงเป็นศิลปะอีกอย่างหนึ่งที่เทคนิคการแพทย์ จำเป็นต้องเรียนรู้
ในการพูดคุยกับผู้ป่วย การเลือกใช้ถ้อยคำมีความสำคัญอย่างยิ่ง คำบางคำอาจเหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานอย่างหนึ่ง แต่อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานแตกต่างออกไป สรรพนามบางคำฟังขัดหู จึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบุคคล โดยคำนึงถึงเพศ วัย และฐานะทางสังคมประกอบ ไม่บังควรที่จะแสดงโดยสีหน้าท่าทาง หรือวาจาให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าการดำเนินชีวิต หรือพฤติกรรมของผู้ป่วยเป็นที่น่ารังเกียจหรือน่าตำหนิติเตียน การวางท่าทางที่ดูเสมือนหนึ่งไว้ตัว อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกประหม่าหรือเกิดความหวาดเกรง จนไม่อยากระบายความทุกข์ หรือให้ข้อมูลที่เป็นจริงได้

การรักษาความลับของผู้ป่วย
ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ เทคนิคการแพทย์จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ป่วยความเจ็บป่วย รวมไปถึงผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ บางเรื่องอาจจะเป็นความลับซึ่งแม้แต่ผู้ที่ใกล้ชิดผู้ป่วย เช่น สมาชิกครอบครัวก็ไม่ทราบ จึงเป็นจรรยาของผู้ประกอบวิชาชีพที่ต้องเก็บข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้ป่วยไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัดที่สุด และพึงตระหนักว่าที่ได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ก็เนื่องจากผู้ป่วยไว้เนื้อเชื่อใจและศรัทธา จึงต้องระวังไม่ให้ล่วงรู้ไปถึงผู้อื่น นอกจากผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาผู้ป่วยรายนั้นเท่านั้น ในการสัมภาษณ์ผู้ป่วยเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นส่วนตัว การเก็บตัวอย่างตรวจและการทำหัตถการต่าง ๆ จึงต้องทำในที่มิดชิด ไม่ประเจิดประเจ้อ การเปิดเผยความลับของผู้ป่วยโดยไม่ได้รับความยินยอมเสียก่อน เป็นการผิดจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ และในบางกรณียังอาจผิดกฎหมายด้วย
เทคนิคการแพทย์ ที่ทราบผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการของผู้ป่วย ควรระวังไม่พูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ป่วยในที่สาธารณะ ไม่วิพากษ์วิจารณ์ผู้ป่วยให้บุคคลอื่นฟัง แม้บุคคลนั้นจะเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้วยกันเอง เพื่อนสนิท หรือบุคคลในครอบครัวก็ตาม ไม่ให้ข่าวแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต การเขียนชื่อผู้ป่วยและผลการตรวจวิเคราะห์บนกระดาษให้คนทั่วไปเห็นได้ ก็อยู่ในข่ายเปิดเผยความลับของผู้ป่วยเช่นกัน
ผลการตรวจของผู้ป่วยที่ปรากฎอยู่บนกระดาษ หากจำเป็นจะต้องทำลายหรือนำทิ้งออกจากห้องปฏิบัติการ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆ ก็ดี จะต้องมีวิธีการทำลายที่เหมาะสม เพื่อมิให้ความลับของผู้ป่วยถูกเผยแพร่ออกไป ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำผลการตรวจทั้งฉบับทิ้งลงถังขยะโดยมิได้ทำลายข้อมูลสำคัญก่อน หากเป็นไปได้ควรใช้วิธีการเผา หรือย่อยด้วยเครื่องย่อยเอกสาร


การได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย
วิธีการทดสอบเพื่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่นการตรวจไวรัสเอดส์ อาจเกิดผลกระทบต่อผู้ป่วย ทั้งในด้านสังคม และจิตใจ ในกรณีเช่นนี้ เทคนิคการแพทย์ต้องต้องอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ และตัดสินในทางเลือก เมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย จึงจะดำเนินการได้ การดำเนินการตรวจโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้
ในการตรวจวิเคราะห์ เทคนิคการแพทย์ต้องคำนึงถึงขอบเขต ความสามารถทางเศรษฐกิจ และความสิ้นเปลือง ทั้งของตัวผู้ป่วยและครอบครัวด้วย การตรวจเพื่อประเมินภาวะสุขภาพบางชนิด ถ้ายังไม่มีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนเพียงพอว่าจะเกิดประโยชน์ในการประเมินสภาวะสุขภาพอย่างแท้จริงก็ไม่สมควรตรวจ เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยโดยใช่เหตุ รวมทั้งอาจจะก่อให้เกิดความสับสน กังวลใจแก่ผู้ป่วยมากขึ้นด้วย การตรวจบางอย่างที่ไม่จำเป็น แต่เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของผู้ตรวจเอง ถือเป็นการเบียดบัง และก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ป่วยและส่วนรวมจึงไม่พึงกระทำ

การให้ความรู้และคำอธิบาย
ในระหว่างการตรวจวิเคราะห์ ผู้ป่วยและญาติย่อมมีความกังวลและต้องการทราบเกี่ยวกับผลการตรวจ การพยากรณ์โรค แผนการที่จะทำต่อไป รวมทั้งการปฏิบัติตัว ถ้าได้รับคำอธิบายจะช่วยให้คลายความสับสนวิตกกังวลและความหวาดกลัวลงไปได้ รวมทั้งสามารถปรับตัวปรับใจเผชิญกับปัญหาและผลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น และตัดสินใจเลือกทางเลือกต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ในการให้ความรู้และคำอธิบายดังกล่าว เทคนิคการแพทย์ ต้องกระทำภายในขอบเขตข้อจำกัดแห่งการประกอบวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ไม่พึงวินิจฉัยโรค หรือพยากรณ์โรคด้วยตนเอง หากแต่สามารถอธิบายผลการตรวจ หรือให้คำแนะนำขั้นต้น เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ป่วยได้รับคำปรึกษาแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ต่อไป
ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ เทคนิคการแพทย์ อาจให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติตัว เพื่อช่วยให้หายหรือผ่อนคลายจากโรคได้ โดยอาศัยข้อมูลทางวิชาการเป็นแหล่งอ้างอิง มิใช่อธิบายโดยความคิดเห็นส่วนตัว โดยไม่มีข้อมูลทางวิชาการรองรับ การให้คำอธิบาย ต้องให้เหมาะสมกับภูมิหลังของผู้ป่วย และเลือกให้ข้อมูลเฉพาะที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย อาจไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะจะยากต่อการเข้าใจและจดจำ หรือบางครั้งก็อาจทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือหวาดกลัวโดยไม่จำเป็น ระวังไม่ใช้ศัพท์ทางวิชาการหรือภาษาต่างประเทศที่ผู้ป่วยไม่เข้าใจ เพราะนอกจากจะทำให้การอธิบายล้มเหลวไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจทำให้ผู้ป่วยอึดอัดใจ อาย รู้สึกเป็นปมด้อย และอาจไม่กล้าถามเพราะกลัวจะถูกดูแคลน ทั้งนี้ การให้คำอธิบายหรือแนะนำใดๆ ของเทคนิคการแพทย์ พึงต้องระมัดระวังมิให้ก้าวล่วงไปในวิชาชีพอื่น

หลักการสื่อสารกับผู้ป่วย
วิธีการสื่อสารกับผู้ป่วย ส่วนใหญ่อาศัยทักษะการอธิบาย กล่าวคือ ใช้คำพูดง่าย ๆ ให้ข้อมูลเป็นลำดับขั้นตอน ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็นหรือเท่าที่ผู้ป่วยอยากทราบ ส่วนข้อมูลรายละเอียดอื่น ๆ อาจให้เพิ่มเติมในคราวหลัง เพราะถ้าหากให้รายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดในคราวเดียวกัน นอกจากผู้ป่วยจะรับไม่ได้แล้วยังอาจทำให้จดจำประเด็นสำคัญไม่ได้ด้วย
เทคนิคการแพทย์ ควรให้คำแนะนำและคำอธิบาย ในลักษณะที่ให้ความนับถือและให้เกียรติแก่ผู้ป่วย ใช้กิริยาวาจาสุภาพ ไม่แสดงว่าตนมีสถานภาพหรืออยู่ในฐานะเหนือกว่าผู้ป่วย ใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย ไม่ใช้ศัพท์ทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยไม่คุ้นเคย หรือถ้าใช้ก็ควรอธิบายความหมายให้เข้าใจด้วย ท่าทีที่เป็นมิตร มั่นใจ และไม่เคร่งเครียด จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกยอมรับได้ง่ายกว่า
สำหรับเรื่องที่สำคัญและละเอียดอ่อน การให้ข้อมูลหรือตอบคำถาม โดยยืนพูดที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ หรือส่วนพักคอย ที่มีผู้ป่วยรายอื่นๆ อยู่ด้วย ไม่เอื้อต่อความเข้าใจ และการพูดจาซักถาม ควรเชิญผู้ป่วยมาพูดคุยในห้องซึ่งมีความเป็นส่วนตัว จะเหมาะสมกว่า เป็นการแสดงว่าผู้ให้บริการเองเห็นความสำคัญ ยินดีรับฟัง และยอมให้เวลาแก่ผู้ป่วย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ พร้อมที่จะให้ความศรัทธา และความเชื่อถือในตัวผู้ประกอบวิชาชีพโดยปราศจากข้อวิพากษ์วิจารณ์ (ทั้งนี้ขึ้นกับผู้ประกอบวิชาชีพรายนั้นๆ ด้วยว่า มีบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือศรัทธาได้มากน้อยเพียงใด) สิ่งที่ผู้ประกอบวิชาชีพพูดอธิบาย ผู้ป่วยมักจะถือว่าถูกต้องไปทั้งหมด ดังนั้น ก่อนให้ข้อมูลใด ๆ จึงต้องไตร่ตรองให้ดีและตรวจสอบความถูกต้อง เพราะข้อมูลที่ผิดพลาด หรือการให้ข้อมูลกลับไปกลับมา จะทำลายความศรัทธาและความเชื่อมั่นในตัวผู้ประกอบวิชาชีพได้
เทคนิคการแพทย์ พึงใช้น้ำเสียงและกิริยาท่าทางในการสื่อสารกับผู้ป่วย อย่างมีเสน่ห์ชวนฟัง แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจ เอื้ออาทร ห่วงใย ไม่บังควรขึ้นเสียง หรือใช้น้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก หรือแสดงภาษากายที่ก้าวร้าว ไร้เสน่ห์
นอกจากนี้ เทคนิคการแพทย์ พึงระมัดระวังเลือกใช้คำพูดที่สื่อความหมายได้ตรงโดย ไม่ทำให้เข้าใจผิด ไม่ควรขู่ให้ผู้ป่วยกลัวโดยหวังจะให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ แต่ควรบอกความจริงให้เข้าใจ ขจัดความหวาดกลัว และให้ความมั่นใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ทั้งนี้ จะต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของการประกอบวิชาชีพอย่างเคร่งครัด เทคนิคการแพทย์ ไม่ควรให้ข้อมูลในแง่ร้ายแก่ผู้ป่วยด้วยตนเอง ควรแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แจ้งให้ผู้ป่วยทราบเอง

คำอธิบายเกี่ยวกับการตรวจวิเคราะห์
เทคนิคการแพทย์ ที่ปฏิบัติงานในคลินิกเทคนิคการแพทย์ มักได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยตรง การให้ข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้อง จะเป็นตัวเสริมภาพลักษณ์ของเทคนิคการแพทย์ให้น่าเชื่อถือศรัทธายิ่งขึ้น ผู้ป่วยควรได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับความสำคัญและจำเป็นของการตรวจ และผลของการตรวจ กล่าวคือ ผลการตรวจเป็นอย่างไรและมีความหมายอย่างไร และจะต้องทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด การให้คำอธิบายดังกล่าว มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างเทคนิคการแพทย์กับผู้ป่วย และเป็นตัวกำหนดประสิทธิผลของการตรวจวิเคราะห์ด้วย
ในกรณีที่ไม่พบความผิดปรกติ ภายหลังการตรวจอย่างถ้วนถี่แล้ว คำอธิบายและการบอกความจริงไปตามนั้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเข้าใจและยอมรับ แต่ก็ควรแนะนำให้ติดตามดูอาการและสืบค้นเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ต่อไป เพราะความผิดปกติบางอย่าง อาจจำเป็นอาศัยข้อมูลด้านอื่นๆ ที่ละเอียดยิ่งขึ้นกว่าการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพียงอย่างเดียว เทคนิคการแพทย์ควรถือเป็นกฎอย่างเคร่งครัดที่จะไม่สรุปว่าผู้ป่วยเป็นโรคอะไร และต้องไม่กระทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเสียเอง

การให้ข้อมูลแก่ญาติ
นอกจากผู้ป่วยแล้วญาติก็มักจะอยากทราบข้อมูลด้วย เมื่อให้คำอธิบายแก่ผู้ป่วย ญาติก็ได้รับฟังไปด้วยพร้อม ๆ กัน ในรายที่มีญาติหลายรายมาสอบถามผลการตรวจ เทคนิคการแพทย์จะต้องระมัดระวังไม่เปิดเผยความลับของผู้ป่วย และไม่ให้ข้อมูลแก่ผู้อื่นที่ไม่มีสิทธิล่วงรู้ ถ้าไม่แน่ใจควรตรวจสอบเสียก่อนว่าผู้ถามข้อมูลมีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยสถานใด หรือแม้จะเป็นญาติก็ควรถามผู้ป่วยก่อนว่าต้องการให้ทราบข้อมูลมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะข้อมูลการตรวจที่มีผลกระทบต่อผู้ป่วย เช่น การตรวจไวรัสเอดส์ เป็นต้น

ผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พึงระลึกอยู่เสมอว่า ตนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การกระทำใดๆ ก็ตาม พึงระมัดระวังให้อยู่ในขอบข่ายการประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ไม่ควรกระทำการใดๆ อันเป็นการล่วงละเมิดการประกอบวิชาชีพอื่นๆ โดยเด็ดขาด ทั้งยังจักต้องพึงรักษาจรราบรรณแห่งการประกอบวิชาชีพของตนอย่างเคร่งครัดอีกด้วย